Search

เรื่องของ สองเด็กหญิง 11 ขวบ กับ 9 ขวบ ต้องกลายเป็...

  • Share this:

เรื่องของ สองเด็กหญิง 11 ขวบ กับ 9 ขวบ ต้องกลายเป็นกำพร้า เพราะโควิดพรากแม่ไป …

แม่สอนลูกมาดีเหลือเกิน 🙏

ขออนุญาตบันทึกเอาไว้ครับ

#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด

หดหู่! 2 เด็กหญิง สูญเสียแม่ ป่วยโควิดดับที่บ้าน 2 พี่น้องนั่งร้องไห้เฝ้าร่างแม่ ตรวจเจอติดโควิดทั้งคู่ แม่สั่งเสีย “ถ้าแม่ตายให้ไปอยู่ บ้านเด็กกำพร้าหรือสถาน สงเคราะห์” ลูกสาวคนโตวัย 11 ขวบ เล่าทั้งน้ำตา อยากเรียนหนังสือ แต่ถ้ามีเงินอยากให้น้องได้เรียนจนจบ หนูไม่ได้เรียนไม่เป็นไร อยากให้น้องมีอนาคตที่ดี”

วานนื้ (26 ก.ค.) เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าดำเนิน การรับศพผู้เสียชีวิตที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในซอยไพโอเนีย แยก 2 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยพบร่าง นางสาวอาภาภรณ์ (สงวน นามสกุล) อายุ 44 ปี อาชีพหมอนวดจับเส้น นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน โดยมีลูกสาววัย 11 ขวบ และ 9 ขวบ เฝ้าศพแม่ไม่ห่าง

เบื้องต้นทราบว่า หญิงผู้เสียชีวิต อาศัยอยู่กับลูกสาว 2 คน ไม่มีญาติที่ไหน โดยเธอมีอาการไอรุนแรงออกมาเป็นเลือดประมาณ 2-3 วัน เจ็บคอ เวียนศีรษะ อาเจียน แน่นหน้าอก ปวดหลัง และหายใจไม่ออก กระทั่งมาเสีย ชีวิตเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (26 ก.ค.)

ระหว่างกู้ภัยเดินทางมาถึงเพื่อเก็บร่าง เด็กหญิงทั้ง 2 คน นั่งร้องไห้อยู่กับพื้นถนนบริเวณปากทางเข้าห้องเช่า เจ้าหน้าที่และชาวบ้านละแวกนั้นต่างเข้ามาปลอบ ซื้อขนม น้ำ และนมให้กิน พี่คนโตวัย 11 ขวบ สะพาย กระเป๋าซึ่งด้านไหนมีเอกสารสำคัญของแม่ เช่น บัตร ประจำตัวประชาชน

เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้สวมชุด PPE เข้าเก็บร่างแม่ขอบเด็กทั้งสองใส่ถุงซิปล็อค ก่อนจะนำร่างออกมาจากห้องเช่า เด็กหญิงทั้ง 2 คน ต่างก็ร้องไห้

ทั้งคู่ต้องกลายเป็นกำพร้า เมื่อต้องขาดแม่ และไม่มีญาติที่ไหน

ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังร่างแม่ขึ้นรถ สองพี่น้องเดินเข้าไปใกล้ร่างของแม่ แล้วยกมือไหว้ โดยร่างถูกนำส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลรามา สมุทรปราการ และตรวจว่าเสียชีวิตจากการติด เชื้อโควิดหรือไม่

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit ตรวจหาเชื้อโควิดเด็กหญิงทั้ง 2 ผลเบื้องต้นผลออกมาว่าติดเชื้อโควิดด้วย จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 คน เพื่อ ดำเนินการนำเข้าสู่กระบวนการรักษาตามขั้นตอนต่อไป

เด็กหญิงวัย 11 ขวบ ลูกสาวคนโตของผู้เสียชีวิต ซึ่งนั่งร้องไห้กอดน้องสาววัย 9 ขวบ อยู่หน้าห้องเช่า บอกกับเรื่องเล่าเช้านี้ว่า ก่อนแม่จะเสียชีวิต แม่มีอาการเวียนศีรษะ อาเจียน ไอมีเสลด บางครั้งก็ไอเป็นเลือด โดยเฉพาะ 2-3 วัน ก่อนที่แม่จะเสียชีวิต แม่ปวดหลังมาก ลุงซึ่งอยู่ห้องพักข้างกัน ได้พาแม่ไปหาหมอ หมอก็ให้ยามากิน

แม่มีโรคประจำตัวไทรอยด์เป็นพิษ น้ำท่วมปอด แลัปวดท้องเป็นประจำ

ค่ำของวันที่ 25 ก.ค. แม่นอนกึ่งหลับกึ่งตื่น แล้วแม่ก็พูดว่า “อย่าไป อย่าไป อย่าไปกับใคร ให้อยู่กับแม่คนเดียวใครให้ไปที่ไหนอย่าไป ให้อยู่กัน 2 คน ให้รักกัน ถ้าไม่รักกัน ใครจะมารักเรา อยู่ด้วยกันดูแลกันดี ๆ ที่แม่ดุแม่ตี เพราะอยากให้เป็นเด็กดี อยากให้ทำอะไรเป็น วันข้างหน้าถ้าไม่มีแม่ จะได้ทำอะไรเป็น”

เด็กหญิงคนพี่วัย 11 ขวบ บอกว่า จากนั้นตนเองกับน้องสาวหลับไป กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ป้าข้างห้องมาเรียก ซื้อโจ๊กมาให้แม่กิน แล้วก็พบว่าแม่เสียชีวิตไปแล้ว

“หนูร้องไห้ หนูเสียใจ หนูอยากบอกว่าหนูคิดถึงแม่ ไม่อยากให้แม่เป็นอะไรไป อยากบอกแม่ว่าขอให้แม่ไปดี ให้แม่ไปอยู่ที่ดี ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง หนูจะดูแลน้อง จะรักน้องให้ถึงที่สุด”

เด็กผู้พี่ เล่าด้วยว่า ก่อนเสียชีวิต แม่เคยถามว่า “ถ้าเกิด วันหนึ่งแม่เป็นอะไรไป จะอยู่กันยังไง ถ้าอยู่ไม่ได้ให้ไปอยู่กับน้าณี (น้องสาวผู้เสียชีวิต) แต่น้าณีเขาก็มีภาระ ต้องเกรงใจเขาด้วย”

แม่สั่งเสียไว้ว่า “ถ้าแม่ตาย ให้ไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า ถ้าไม่มีใครเลี้ยง ก็ต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์”

เด็กหญิงวัย 11 ขวบ บอกว่า ตอนนี้เธอกับน้องสาวไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว เพราะแม่ไม่มีเงินส่งเสีย ตอนแม่ยังมีชีวิต แม่จะคอยสอนหนังสือให้เธอกับน้องสาว จนเธอพออ่านออกเขียนได้

“หนูเห็นแม่ป่วยก็ไม่อยากเรียน เพราะสงสารแม่ อยากให้แม่เก็บเงินไว้รักษาตัวแม่มากกว่า แม่พยายามหาเงินเพื่อให้หนูกับน้องได้เรียน ตอนแรกหนูก็ไม่อยากเรียน เพราะรู้สึกถูกกดดัน”

“แม่ย้ำเสมอให้ดูแลน้องดี ๆ รักน้องให้มาก ๆ หนูรักแม่ หนูมีความสุขที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่ ไม่มีใครดีเท่าแม่อีกแล้ว สิ่งที่แม่ต้องการในชีวิตคืออยากให้หนูเป็นเด็กดี แม่เป็นห่วง แม่ทำทุกอย่างเพื่อให้หนูกับน้องสบาย”

แม่เคยบอกว่า “แม่มีทั้งสิ่งดีและไม่ดี สิ่งไหนไม่ดี ไม่ต้องลอกเลียนแบบ สิ่งดีให้เก็บไว้เป็นความรู้ หนูก็อยากเรียนหนังสือ แต่ถ้ามีเงินก็อยากให้น้องได้เรียนจนจบ หนูไม่ได้เรียนไม่เป็นไร ขอให้น้องได้เรียนจนจบก็พอ หนูขอดูแลน้องดีกว่า อยากให้น้องมีอนาคตที่ดี อยากให้น้องได้เรียน อยากให้แม่มีความสุข หนูเป็นห่วงน้อง หนูอยากดูแลน้อง จนกว่าใครจะไปจากกัน”

ลุงนิยม อายุ 47 ปี ซึ่ง อาศัยอยู่ห้องเช่าข้างกัน บอกว่า ก่อนหน้าที่แม่ของเด็กจะเสียชีวิต ตนพาไปหาหมอที่อนามัย วัดความดันได้ 200 กว่า ทางอนามัยบอกให้พาไปโรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลรับเฉพาะเคสโควิด ไม่รับผู้ป่วยนอก จึงพากลับมาที่ห้องเช่าเหมือนเดิม กินยารักษาตามอาการ

“ตีสอง คืนก่อนที่แม่ของเด็กจะเสียชีวิต ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดลั่นห้อง ตนซึ่งพักอยู่ห้องข้าง ๆ วิ่ง ออกมาดูถามว่า “ไหวมั้ย ถ้าไม่ ไหวจะพาไปโรงพยาบาล” แม่เด็กตอบว่า “ ไหว”

ประมาณ ตี 4 เสียงเงียบหายไป วันรุ่งขึ้น ภรรยาของตนนำโจ๊กไปให้ แล้วก็พบว่าแม่เด็กเสียชีวิตแล้ว ในสภาพนั่งก้มหน้าฟุบอยู่ที่ปลายเตียง มีผ้าห่มพันตัวไว้

ระหว่างนั้น ลูกสาวของผู้เสียชีวิต วิ่งมาบอกลุงข้างบ้าน “ตา ตา ไปดูแม่หน่อยค่ะ แม่เป็นอะไรไม่รู้ เรียกไม่ตื่นเลย” ตนตามเข้าไปดู จับตัวก็พบว่าตัวเย็น เสียชีวิตแล้ว

“สงสารเด็กทั้ง 2 คน อยากรับไว้เลี้ยงดู แต่ก็คงไม่ไหว เพราะผมเองก็มีภาระ ช่วงนี้เป็นช่วงโควิด อยู่ยากลำบาก ไม่มีรายได้ ผมเองก็ต้องกักตัว เพราะตรวจ หาเชื้อเบื้องต้น (ATK) เป็นบวก”

ลุงนิยม ฝากบอกว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลเด็กทั้งสองคน อยากให้เด็ก ๆ ได้เรียนหนังสือ โตไปจะได้มีอาชีพ เด็กทั้งสองคนไม่ได้เรียนหนังสือมา เป็นปีแล้ว สงสารครอบครัว ฝของเด็ก อยู่ห้องข้างกัน มีอะไรก็แบ่งปันกันกิน

ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะขึ้นรถกลับออกมา ลุงนิยม ยังเดินมาบอกว่า “ฝากน้องด้วยนะ!”


Tags:

About author
not provided